ROJNA ปรับเป้าขายที่เพิ่มเป็น 1.5 พันไร่

20/11/2012 16:11

 

สวนอุตสาหกรรมโรจนะฟุ้งปรับเป้าขายที่ดินในปีนี้เพิ่มเป็น 1,500 ไร่จากเดิมตั้งไว้ 1,000 ไร่ใน 2 นิคมฯ ใหม่ที่ปลวกแดง และปราจีนบุรี ส่วนนิคมฯที่อยุธยารอลุ้นน้ำในปีนี้ หากผ่านพ้นด้วยดีเชื่อยอดขายที่ทะลักในปีหน้า ชี้ปัญหาข้อพิพาทจีน-ญี่ปุ่นไม่มีผลทำให้ยอดขายที่ในนิคมฯเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นปัญหาการเมือง และญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนในไทยมากอยู่แล้ว นางสาวอมรา เจริญกิจวัฒนกุล กรรมการ บริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) (ROJNA) เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ปรับเป้าหมายขายที่ดินเพิ่มขึ้นเป็น 1,500 ไร่จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้แค่ 1,000 ไร่ เนื่องจากมีลูกค้าสนใจซื้อที่ดินในนิคมฯใหม่ทั้ง 2แห่ง แทงบอล โดยบริษัทจะรับรู้รายได้จากการขายที่ดินในปี 2556 ดังนั้นในปีนี้บริษัทฯคาดว่าจะรับรู้รายได้จากการโอขายที่ดินแล้ว 700-800 ไร่
       
ในปีนี้บริษัทฯ ไม่ได้ตั้งเป้าขายที่ดินในนิคมฯที่อยุธยาเอาไว้หลังจากปีก่อนประสบปัญหาน้ำท่วม แต่นับจากต้นปี 2555 บริษัทฯสามารถขายที่นิคมฯ อยุธยาแล้ว 100 ไร่ และลูกค้ายังสนใจซื้ออีกแต่รอความชัดเจนว่าปีนี้น้ำจะท่วมนิคมฯ หรือไม่ ทางเข้า sbobet หากผ่านพ้นไปได้เชื่อว่ายอดขายที่ดินในอยุธยาจะเพิ่มสูงขึ้นกว่านี้ โดยบริษัทฯ ได้มีการทำเขื่อนป้องกันน้ำท่วมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
       
นางสาวอมรากล่าวถึงกรณีข้อพิพาทระหว่างจีนกับญี่ปุ่นเกี่ยวกับเกาะจนลามมาสู่ธุรกิจของญี่ปุ่นในจีนว่า ไม่น่าจะมีผลทำให้ญี่ปุ่นย้ายฐานการผลิตจากจีนมาไทย เนื่องจากเป็นข้อพิพาทที่เกิดขึ้นมานานแล้ว และมองเป็นปัญหาทางการเมือง ที่ผ่านมาญี่ปุ่นก็เลือกไทยเป็นฐานการลงทุนระดับต้นๆ ของญี่ปุ่นอยู่แล้ว ซึ่งเงื่อนไขการตัดสินใจลงทุนของเอกชนนั้นย่อมคำนึงเรื่องความเสี่ยง ศักยภาพของประเทศที่ลงทุน ทางเข้า sbo และแรงงานเป็นสำคัญ โดยต้องยอมรับว่าจีนเป็นตลาดใหญ่
       
อย่างไรก็ตาม ในปีหน้าบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายยอดขายที่ดินไม่ต่ำกว่า 1,500 ไร่ โดยจะรับรู้รายได้จากการขายที่ดินในปีนี้จากนิคมฯที่ปลวกแดง และนิคมฯที่ปราจีนบุรี ซึ่งเห็นว่าที่ดินทั้ง 2 นิคมฯยังเพียงพอที่จะรองรับการขายได้อีก 2-3 ปี ซึ่งระหว่างนี้ก็จะพิจารณาหาโอกาสซื้อที่ดินเพิ่มเติมเพื่อขยายเฟสต่อไป โดยยอมรับว่าหลังจากบริษัทฯได้พัฒนาเป็นนิคมฯแล้ว ทำให้ราคาที่ดินบริเวณใกล้เคียงปรับตัวสูงขึ้นค่อนข้างมาก โดยปี 2556 บริษัทฯ กำหนดงบลงทุนเพื่อพัฒนาพื้นที่ไว้ไม่เกิน 3,000 ล้านบาท ส่วนการลงทุนสร้างโรงไฟฟ้าเพื่อป้อนนิคมฯใหม่นั้น คงต้องรอนโยบายรัฐในการรับซื้อไฟฟ้าเอสพีพีจากภาคเอกชนรอบใหม่ก่อน รวมทั้ง สำหรับโรงไฟฟ้าในนิคมฯ อยุธยาที่ปิดซ่อมจากน้ำท่วมคาดว่าจะกลับมาเดินเครื่องได้ในไตรมาส 4/2555 นอกจากนี้ยังมีกำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่อีก 110 เมกะวัตต์ซึ่งเป็นไปตามแผนคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ปี 2556
 
รายละเอียดเพิ่มเติม   Click here