ทุนภูธรรุกบิวตี้ กทม. หั่นมาร์จิ้นชนเชนนอก

05/10/2012 10:15

 

นายหิรัญ ตันมิตร ผู้จัดการร้านอีฟแอนด์บอย (EVEANDBOY) ดำเนินธุรกิจร้านค้าปลีกสินค้าความงาม เปิดเผยว่า ยอมรับว่าแบรนด์อีฟแอนด์บอยนี้ยังใหม่ในตลาดรวมและยังไม่มีใครรู้จักมากนักในตลาดกรุงเทพฯ เนื่องจากฐานธุรกิจเดิมอยู่ที่จังหวัดมหาสารคาม และเป็นแบรนด์ท้องถิ่นของคนไทยเอง แต่ขณะนี้บริษัทฯ พร้อมที่จะขยายตลาดเชิงรุกแล้ว   ตัวอย่างสินค้าที่อีฟแอนด์บอยจำหน่ายต่ำกว่าร้านยักษ์ใหญ่ เช่น น้ำหอมเวอร์ซาเช่ที่อื่นขาย 3,900 บาท แต่ที่ร้านขาย 2,700 บาท, น้ำหอมมองต์บลังก์ ที่อื่นขาย 3,450 บาท ที่ร้านขาย 2,310 บาท, แทงบอล น้ำหอมอิปเซ่มิยาเกะที่อื่นขาย 4,100 บาท ที่ร้านขาย 2,780 บาท เป็นต้น และบางครั้งยังมีโปรโมชันลดราคาถึง 60% แล้วแต่สินค้า ซึ่งที่ผ่านมาสัดส่วนยอดขายมาจากน้ำหอมมากกว่า 30%
       
บริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะเข้ามารุกในตลาดกรุงเทพฯ เนื่องจากเป็นตลาดที่ใหญ่และมีโอกาสเติบโตค่อนข้างมาก ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาเรื่องพื้นที่กับทางเซ็นทรัลอยู่หลายโครงการ โดยล่าสุดได้เปิดสาขาแรกที่กรุงเทพฯ ที่สยามสแควร์ ซอย 1 ซึ่งเป็นสาขาที่ 4 ของบริษัทฯ โดยตั้งเป้าหมายว่าภายใน 3 ปีจากนี้จะมีสาขาเพิ่มอีก 4-5 แห่ง และภายใน 10 ปีจากนี้จะมี 20 สาขาในกรุงเทพฯ ทางเข้า sbobet จากปัจจุบันมีรวม 4 สาขาแล้ว คือที่มหาสารคาม และที่ขอนแก่น 2 สาขา  ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สาขาแรกในกรุงเทพฯ ที่สยามสแควร์นั้นปรากฏว่ามีร้านวัตสันเปิดประกบในรัศมีไม่ห่างกันล้อมรอบร้านอีฟแอนด์บอยรวมถึง 3 สาขา อีกทั้งยังมีการจัดกิจกรรมเพื่อดึงคนเข้าร้านเต็มที่
       
“จุดแข็งของเราที่จะนำมาต่อสู้กับรายใหญ่ในตลาดที่มีความแข็งแรงทั้งแบรนด์และจำนวนสาขาคือเรื่องของราคา ซึ่งสินค้าเรารับมาจากซัปพลายเออร์ราคาไม่ต่างกันกับคู่แข่ง แต่เราตั้งราคาขายต่ำกว่า โดยคิดมาร์จิ้นแค่ 15% เท่านั้น ทางเข้า sbo  ในขณะที่คู่แข่งยักษ์ใหญ่จะคิดมาร์จิ้นสูงถึง 30% ขึ้นไป ทำให้คู่แข่งมีราคาจำหน่ายที่แพงกว่าของเรา มากกว่า 30-40% เป็นข้อได้เปรียบที่เราจะสู้กับคู่แข่ง”
       
ปัจจุบันมีสินค้าในร้านประมาณ 10,000 เอสเคยู หรือมากกว่า 350 แบรนด์สินค้า รวมทั้งเฮาส์แบรนด์ของเราเองที่ชื่อว่า VERENA ซึ่งที่ผ่านมายอดขายในต่างจังหวัดมีประมาณ 10 ล้านบาทต่อเดือนต่อสาขา มีปริมาณลูกค้าเข้าร้าน 800 คนต่อวันต่อสาขา มียอดซื้อต่อบิลประมาณ 500 บาทต่อคนต่อครั้ง ขณะที่ในกรุงเทพฯ ยอดซื้อประมาณ 800 บาทต่อคนต่อครั้ง โดยคาดว่ารายได้รวมปีนี้จะมีประมาณ 400ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้วที่มี 300 ล้านบาท โดยมียอดสมาชิกในต่างจังหวัด 20,000 กว่าราย และในกรุงเทพฯ 2,000 กว่าราย
 
รายละเอียดเพิ่มเติ่ม  คลิกที่นี่